Saturday, May 31, 2008

เตเบซ เผย "ผมก็อยากไปสเปนเหมือนกัน"


แฟนๆ ปีศาจแดง เป็นต้องร้อนๆ หนาวๆ ไปตามๆ กัน เมื่อ คาร์ลอส เตเบซ กองหน้าตัวนำโชคของทีม ออกมาเปรยๆ ว่า ตนเองก็ฝันว่า วันนึงอยากไปเล่นที่ สเปนเหมือนกัน กับที่ โรนัลโด้ ได้ออกมาพูดก่อนหน้านี้

แมนยู ที่ยังยุ่งอยู่กับการที คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกชาว โปรตุกีส ออกมาประกาศว่า ตนเองยังไม่สัญญาอะไร ในระยะยาวทั้งนั้น และฝันว่าจะได้ไปเล่นฟุตบอลที่สเปน ในสักวันหนึ่ง แต่คราวนี้ ถึงคราวกองหน้าตัวเก่ง ที่ยังไม่ได้เซ็นต์สัญญา แบบถาวรกับทีม ก็ออกมาพูดในลักษณะเดียวกันว่า "ตอนนี้ผมมีความสุขดีที่นี่ แต่ผมก็ฝันว่าจะได้ไปเล่นที่สเปน ในสักวัน เหมือนที่นักเตะชาวอเมริการใต้ ทุกคนฝันว่า อยากไปเล่นให้ลีกใน อิตาลี หรือ สเปน เมื่อพวกเขาต้องย้ายมาเล่นฟุตบอลที่ยุโรป"

"แต่ผมมีความสุขดีกับที่นี่ พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก"

ยูไนเต็ด มีเป้าหมายสำคัญที่ต้องทำใน ซัมเมอร์นี้ หลายอย่าง หนึ่งในนั้น คือ ต้องเซ็นต์สัญญา แบบถาวรกับ คาร์ลอส เตเบซ ให้สำเร็จ

และมีรายงานว่า บอร์กโด ทีมดังจากแดนน้ำหอม กำลังจะบรรลุข้อตกลง ในการดึง มิกก้า ซิลแวส ไปร่วมทีม ซึ่งแหล่งข่าวเผยว่า ตอนนี้เหลือแค่ตกลงกันเรื่อง ค่าเหนื่อยของนักเตะเท่านั้น


"การออกมาประกาศแบบนี้ของ เตเบซ จะเป็นแค่การออกมาเรียกร้องให้ทีม รีบเซ็นต์สัญญากับเขาหรือไม่ ยังต้องติดตามดูความเคลื่อนไหวเรื่อยๆ"

บาเบล เจ็บ ชวดบู๊ ยูโร



ทีมอัศวินสีส้ม ฮอลแลนด์ ถึงคราวลำบาก เมื่อ ไรอัน บาเบล กองหน้าตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล โชคร้ายเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย ในระหว่างการฝึกซ้อม ทำให้หมดสิทธิ์ช่วยทีม อัศวินสีส้มบู๊ศึก ยูโร 2008 เป็นที่แน่นอนแล้ว

บาเบล วัย 21 ปี ต้องปิดช่วง summer ของเขาด้วยอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องรักษาตัว เพื่อเตรียมตัวช่วยทีม หงส์แดงในฤดูกาลหน้าต่อไป

มาร์โก แวน บาสเท่น กุนซือทีมดัช ยังไม่ตกลงใจว่าจะเลือกใคร เข้ามาแทนที่บาเบล แต่แหล่งข่าวคาดว่า จะเป็น บูรารูซ ที่จะถูกเลือกมา ในที่ว่างที่เหลือนี้

Thursday, May 29, 2008

เปิดตัว ชุดแข่ง EURO 2008 ของทีมชาติต่างๆ

ใกล้วันเข้าไปเรื่อยๆ สำหรับ euro 2008 ผมก็เลยเอาชุดใหม่ เหย้า - เยือน ของทีมต่างๆ มาให้ได้ยลโฉม ก่อนการแข่งขันจะเริ่มนะครับ


Austria


HOME เป็นพื้นสีแดง และมีโลโก้ Puma และตราทีมชาติอยู่ที่อก ดูดีและเรียบง่าย
AWAY เป็นชุดสีดำ ออกแบบโดย Puma และมีธงชาติอยู่ตรงคอเสื้อ ออกมาดูดีทีเดียว



Croatia


Home เป็นชุดที่คุ้นตากันดี ในเสื้อลายหมากรุก แดง-ขาว
Away ออกแบบมาสำหรับ Euro 2008 ในเสื้อสีน้ำเงิน และมีตราหมากรุก สัญลักษณ์ของทีม ข้างลำตัวทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับปกสีแดง ทำให้ออกมาดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ



Czech


Home ชุดเหย้าของเชค ยังคงเป็นชุดเดิมที่เคยเห็นกันใน บอลโลก 2006 ด้วยพื้นสีแดง และมีลายสิงโตอยู่บนพื้นเสื้อ ก็ยังดูดีอยู่
Away ชุดเยือนของเชค ก็เป็นอีกหนึ่ง collection ใหม่ของ Puma ด้วยพื้นเสี้อสีขาว คลิบกับของแดงที่แขนเสื้อ รวมกับปกเสื้อ ทำให้ดูน่าใส่ไปหยอกเลยทีเดียว



France


Home ชุดแข่งเหย้าของฝรั่งเศส ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงจาก ฟุตบอลโลก 2006 มากนัก แต่ดูดีมีสไตล์ขึ้น โดยเฉพาะโลโก้ใหม่ ที่ออกแบบมาใหม่ ทำให้ดูทันสมัยน่าใส่ทีเดียว
Away ชุดเยือนของฝรั่งเศสใน ยูโร 2008 นี้ เป็นสีแดง ซึ่งไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนัก ในความคิดผม มันค่อนข้างดูเหมือน เสื้อซ้อมโหลๆ มากกว่า



Germany


Home ชุดแข่งของเยอรมันชุดนี้ ดูจะตั้งใจให้ออกแนวปี 80 ด้วยชุดเหย้าสีขาว ที่มีลายธงชาติพาดขวางตรงกลาง ทำให้ดูน่าใส่อยู่เหมือนกัน
Away ชุดเยือนของเยอรมัน เป็นสีแดงสลับดำ ยังดูแปลกๆ ในความคิดผม แต่ก็ดูเป็นยุค 80 ดี



Greece


Home ชุดแข่งใหม่ของ กรีซ ทีมแชมป์เก่า ที่ผมหาได้มีแค่ชุดเหย้า สีขาว ที่ไม่มีอะไรมาก นอกจากแถบสีน้ำเงิน ที่แขนเสื้อ อย่างที่เคยเห็นๆ กันมาก่อนแล้ว
Away ชุดเยือน ต้อนขอโทษที่หาภาพมาไม่ได้ แต่คาดว่าคงเป็น สีน้ำเงิน ที่มีแถบสีขาวตรงแขนเสื้อ สลับกับชุดทีมเหย้าของเค้าแหละ



Holland


Home ชุดเหย้าของ อัศวินสีส้ม คงหนีไม่พ้นเสื้อพื้นสีส้มแน่นอน แต่ผมหารูปมาให้ดูไม่ได้ ต้องขอโทษด้วย
Away ชุดเยือนของฮอลแลนด์ ใน ยูโร 2008 นี้ ออกจะแปลกตานิดหน่อย กับ เสื้อพื้นสีฟ้า ซึ่งไม่น่าจะใช่สีประจำชาติ แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่า สีฟ้าเป็นสีประจำราชวงศ์ ของฮอลแลนด์เค้า (เหมือนที่เสื้อทีมชาติไทยเป็นสีเหลือง น่ะแหละ) บวกกับแถบ แดง ขาว น้ำเงิน ตรงหน้าอก ดูแล้วเรียบๆ ไปหน่อยสำหรับ อัศวินสีส้ม



Italy


Home ชุดเหย้าของอิตาลี จาก Puma เป็นชุดสีน้ำเงิน ขลิปทองที่ขอบแขนเสื้อ และคอเสื้อ ดูแล้วไม่ต่างจากของเดิมเท่าไหร่
Away ชุดเยือนของอิตาลี ทำออกมาได้สวยทีเดียว ด้วยเสื้อสีขาว ขลิปทองที่ขอบแขนเสื้อ และปกคอเสื้อ อีกทั้งมีสัญลักษณ์ประจำทีม ที่อก ทำให้ดูแล้วเหมาะกับ แฟนๆ อัซซูรี่ ทีเดียว



Poland


Home ชุดเหย้าของโปแลนด์ ผมหารูปให้ดูไม่ได้ แต่ว่า Puma น่าจะออกแบบมาให้ ไม่แพ้ของทีมอื่น คาดว่าน่าจะเป็นสีขาว สำหรับทีมโปแลนด์นี้
Away ชุดเยือน เมื่อเห็นแล้วบอกได้คำเดียวว่า น่าผิดหวัง สำหรับการออกแบบ ของ Puma เพราะดูแล้วเหมือนเสื้อของก็อป ตามสนามกีฬายังไงยังงั้นเลย



Portugal


Home เสื้อทีมเหย้าของโปรตุเกส คงไม่เปลี่ยนแปลง จากที่เคยเห็นกันมากนัก ด้วยเสื้อสีเลือดหมู ขลิปเขียวข้างลำตัว และมีสัญลักษณ์ประจำทีม และโลโก้ Nike ที่หน้าอก
Away ดูแล้วแปลกๆ สำหรับชุดเยือน ปีนี้ ด้วยเสื้อสีขาว ขลิปเขียวข้างตัว ดูแล้วธรรมด๊า ธรรมดา



Spain


Home ชุดเหย้าของสเปน จะให้จนถึงปี 2009 ออกมาค่อนข้างดูดี ด้วยชุดสีแดง และมีแถบเหลืองที่แขน เหมือนที่เคยเห็นๆ กัน
Away ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก กับชุดเยือนสีเหลืองทอง ของทีมกระทิงดุ ดูแล้วเหมือนเสื้อสโมสร ซะมากกว่า แต่ก็ได้คะแนนความมีสไตล์ไปเต็มๆ



Sweden


Home เห็นกันบ่อยๆ กับชุดเหย้า เหลือง - น้ำเงิน ของสวีเดน ในยูโรปีนี้ ก็ยังไม่เปลี่ยน สงสัยเค้าคงคิดว่า ในเมื่อที่เคยทำออกมามันก็เวิร์คดี แล้วทำไมต้องเปลี่ยนด้วยล่ะ แต่ผมว่าน่าจะเปลี่ยนซะหน่อยนะ ดูแล้วมันไม่ค่อยน่าใส่เท่าไหร่



Switzerland


ชุดที่เห็นน่าจะเป็น ชุดเยือน ของเจ้าภาพร่วม แต่ในเว็บไซต์เค้าบอกว่า เป็นชุดเหย้า ผมก็เลยไม่แน่ใจ เพราะชุดเหย้าน่าจะเป็นสีแดงมากกว่า ชุดนี้ Puma ไม่ได้เอาธงชาติ มาแปะตรงหน้าอก เหมือนของทีมอื่นๆ ผมว่าออกมาดูดีเหมือนกัน ดูแล้วใส่ได้หลายโอกาสดี



Turkey


ชุดนี้เป็นชุดเยือนของตุรกี จาก Nike ซึ่งออกแบบมาดูคลาสสิก ด้วยเสื้อสีขาว แต่ดูแล้วไม่ธรรมดา ด้วยขอบสีฟ้าที่คอ และโลโก้ Nike สีฟ้า ทำให้ออกมาดูดีและเรียบง่ายทีเดียว


"สำหรับใครที่เป็นแฟนทีมไหน ก็อย่าลืมรีบๆ ไปหาซื้อมาใส่นะครับ เพราะ ยูโร 2008 กำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว"

โรนัลโด้ มึน ภาพเปลือยแฟน ว่อน (18+)



ปีกจอมสับ ถึงกับต้องมึน เมื่อเห็นรูปแฟนสาว สุด เช็กซี่ NEREIDA GALLARDO (คนผมดำเสื้อเหลือง) เปลือยอกโชว์ พร้อมเพื่อนสาวอีก 2 คน ว่อนตามหน้าหนังสือพิมพ์ เมืองผู้ดี

แหล่งข่าวเผยว่า ภาพที่เห็นเป็นการ ถ่ายเล่นกัน ในห้องน้ำ ของไนท์คลับแห่งหนึ่ง ในเมือง มาร์ยอก้า ที่ เนไรด้า และเพื่อนสาวไปเที่ยวกัน และนอกจากนี้ แหล่งข่าวใกล้ตัว ยังเผยอีกว่า เธอดูสนุก และยังพร้อมทำแบบเดิม ให้โรนัลโด้ดูด้วย เพื่อย้ำชัดว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบปาร์ตี้ขนาดไหน

เซ็กซี่ สตาร์ ชาวสเปนเคยมีภาพออกมามากมาย แต่ดูว่าครั้งนี้จะดูแรงที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ เนไรด้า ได้ออกมาเผยว่า กำลังจะเป็นเจ้าสาวของ ปีกจอมสับ ในอีกไม่ช้า

โรนัลโด้ กับ เนไรด้า พบกันเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว ที่เมือง มาร์ยอก้า และสานสัมพันธ์อันดีมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งมักจะมีคนเห็น เธอแวะเวียนไปที่ คฤหาสราคา 4 ล้านปอนด์ เป็นประจำ และทุกครั้งที่ โรนัลโด้ ทำประตูได้ เขาจะหันมาส่งจูบ ให้เธอเสมอ ซึ่งแหล่งข่าวเผยว่า "รูปที่ออกมา อาจเป็นการตอบแทนให้โรนัลโด้ จากเธอก็เป็นได้"

เนไรด้า เป็นผู้หญิงคนแรกที่ โรนัลโด้ คบแบบจริงจัง ตั้งแต่เขาย้ายมาค้าแข้งที่อังกฤษ ดูท่าเขาจะเป็นผู้ชายที่โชคดีมากเลยทีเดียว

คลิกเพื่อดูภาพจริง (แฟนโรนัลโด้ผมดำ)

Wednesday, May 28, 2008

มูริญโญ่ เตรียมทุ่ม ล่าตัว ดาวเตะเชลซี มาร่วมทีม


เดอะซัน แท็บลอด์ย ของเมืองผู้ดีเผย อินเตอร์ มิืลาน เตรียมทุ่มเงิน 35 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับ 3 ดาวดัง แห่งสแตมฟอร์ด บริดจ์ คือ ดิดีเย่ร์ ดร็อกบา , แฟรงค์ แลมพาร์ด และ ริคาโด้ คาวัลโญ่ มาร่วมทีม ตามความต้องการของ โชโซ่ มูริญโญ่ ที่กำลังจะเซ็นต์สัญญา ภายในไม่เำิกิน 48 ชั่วโมงนี้

สตาร์ทั้ง 3 คน ต่างมีอายุย่าง 30 แล้ว ซึ่งแลมพาร์ด เป็นผู้ีมีค่าจ้างสูงสุด คือ 125,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ โดย อินเตอร์ มิลาน ให้ค่าตัว ของแต่ละคนไว้ที่ ดร็อกบา 21.5 ล้านปอนด์ คาวัลโญ่ 7 ล้านปอนด์ และ แลมพาร์ด 6.5 ล้านปอนด์ ซึ่งแลมพาร์ด เหลือสัญญาปีสุดท้าย กับทีมต้นสังกัด และ คาวัลโญ่ ก็ติดตามร่วมทีม กับเขามาตลอด จนกลายเป็นลูกรัก ของ มูริญโญ่ ไปแล้ว

ยังเผยอีกว่า โมรัตติ เตรียมเงิน 60 ล้านปอนด์ ไว้ให้ เดอะ สเปเชี่ยล วัน ช็อป ในซัมเมอร์นี้ แต่อินเตอร์ ต้องเคลียร์ เรื่องสัญญากับ มันชินี่ ให้เรียบร้อยก่อนที่จะ แต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่

มันชินี่ มีข่าวว่า เคยเข้าคุยกับ อับราโมวิช เมื่ีอสามสัปดา์ห์ก่อน แต่เอเย่นต์ส่วนตัวเผยว่า พวกเขาไม่ได้คุยเรื่องเกี่ยวกับ การเข้ามาคุมทีมแทน อัฟราม แกรนท์ แต่อย่างใด

นอกจากนี้ เชลซี ยังมีข่าวทาบทาม สโคลารี่, แฟรงค์ ไรการ์จ, มาร์ค ฮิวจ์ และกู๊ส ฮิดดิ้ง รวมไปถึง ไมเคิล ลาวดรู๊ป แต่รายสุดท้ายนี้ ก็กำลังเจรจากับ ซีเอสเคเอ มอสโคว และ กาลาตาซาราย อยู่ด้วยเช่นกัน

"ยังไงผมว่ายังต้องดูกันไปอีกนานละครับ สำหรับผู้จัดการทีมคนใหม่ ของ สิงห์สำอาง เพราะโรมันเค้าบอกว่า ต้องการคนที่ใช่จริงๆ เท่านั้น"

ลือ โรมัน บอก อันเชล็อตติ หาโค้ชให้หน่อย


ROMAN ABRAMOVICH เจ้าของทีม เชลซี เข้าปรึกษา อันเชล็อตติ ถึงผู้จัดการทีมของเชลซี คนต่อไป โดยได้คุยกันที่เจนัว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เศรษฐีชาวรัสเซีย ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการหา ผู้จัดการทีมคนใหม่ให้ทีม ไม่ได้เข้าคุยเพื่อขอให้อันช มาทำงาน แต่เป็นการปรึกษา เกี่ยวกับผู้จัดการทีม คนต่อไป ที่จะเข้ามาทำงาน อย่างเช่น แฟรงค์ ไรจ์การ์จ , โรแบโต้ มันชินี่ และ ไมเคิล ลาวดรู๊ป

การคุยกันครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากที่เขาได้คุยกับ ฟาบิโอ คาเปลโล่ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที หลังจากเกมนัดชิง ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก จบลง

มาร์ค ฮิวจ์ อดีตนักเตะเชลซี และผู้จัดการทีมแบล็กเบิร์น ก็มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาแทนที่ แกรนท์ แต่โรมันต้องการเลือกคนที่ เหมาะสมที่สุดสำหรับทีม เท่านั้น หลังจากที่ได้บทเรียน จากการแต่งตั้ง แกรนท์ เพียงแค่ 2 วัน หลังจากที่ปลดมูริญโญ่ออก และทำให้ชลซี จบฤดูกาลด้วยมือเปล่า ทำให้โดนปลดไป

ไมเคิล ลาวดรู๊ป ตำนานชาวเดนนิส ผู้พาทีม เกตาเฟ่ เข้าไปเล่นยูฟ่าคัพ ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ และ มันชินี่ ที่เพิ่งโดนปลดจากอินเตอร์ ที่จ้าง มูริญโญ่ เข้าแทน

ทั้งสอง ก็เป็นรายชื่อต้นๆ ที่โรมัน ต้องการเข้ามาคุมทีม สิงห์สำอาง ในฤดูกาลหน้า ด้วยเช่นกัน

Tuesday, May 27, 2008

มูริญโญ่ ได้งานแล้ว เตรียมดึง แลมพ์ ดร็อก ไปด้วย


เดอะซันเผย JOSE MOURINHO จ่อจะเข้าคุมทีม งูใหญ่ อินเตอร์มิลาน ภายในสัปดาห์นี้ และหวังจะดึง แฟรงค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ ลูกรักไปร่วมทีมด้วย

มูริญโญ่ จะเป็นผู้จัดการทีมที่มีค่าจ้าง มากที่สุด ด้วยค่าจ้าง 7 ล้านปอนด์ต่อปี ในสัญญา 3 ปี เผย แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นเป้าหมายอันดับ 1 ที่จะดึงมาร่วมทีม และยังมี ดิดีเย่ร์ ดร็อกบา อีกคนด้วย

อินเตอร์มิลาน ได้ตัดสินใจปลด มันชินี่ หลังจากที่ประชุมกัน เป็นเวลา 20 นาที เมื่อคืนนี้

เอเย่นต์ ของเฮียเครียดเผยว่า "มันเรียบร้อยรึยังเหรอ? มันใกล้แล้วล่ะ"

ลือหึ่ง ทักษิณ ทาบ แกรนท์ แทนสเวน!!


เดอะซัน เผยว่า ทักษิณ เสนอสัญญา ให้ อดีตกุนซือ เชลซี เข้าคุมทีมแทนที่ สเวน โกรัน อิริคสัน

Luiz Felipe Scolari เป็นรายชื่อแรกที่ถูกทาบทาม ให้มาคุมเรือใบสีฟ้า แต่การเจรจาเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้ทางแมนซิตี้ หันไปให้ความสนใจ Avram ที่ทำผลงานได้ดีในการคุมทีมเชลซี

"เราหวังว่าสโคลารี่ จะมาร่วมงานกับเรา แต่อัฟราม ก็เหมาะสมไม่แพ้กัน"

และยังเผยอีกว่า การเจรจากับอดีตกุนซือเชลซี เริ่มตั้งแต่ หลังเกมที่เชลซีเอาชนะลิเวอร์พูล และเข้าไปชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ซึ่งทักษิณ ได้เข้าคุยกับแกรนท์หลังจากจบเกมที่สแตมฟอร์ดบริจด์

ทักษิณบอกว่า อัฟรามสามารถพาทีมเข้าไปใกล้แมนยู ที่เป็นแชมป์ได้ทั้ง พรีเมียร์ลีก และแชมป์เปี้ยนลีก ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะแทนที่ อิริคสันได้แน่นอน

แต่ถึงอย่างไร อัฟราม แกรนท์ จะต้องเคลีียร์ปัญหา กับทางเชลซีก่อนที่จะเจรจากับ แมนซิตี้ ซึ่งหากแกรนท์ไม่ต้องการที่จะต่อสัญญาต่อไป จะทำให้เขาสามารถเจรจากับทาง เรือใบสีฟ้าได้ทันที

Monday, May 26, 2008

คาสซาโน่เผย สุดช็อก ติดโผอัซซูรี


Antonio Cassano เผยว่า เขารู้สึกประหลาดใจมากที่มีชื่อติด 24 ขุนพลอัซซูรี ชุัดลุย euro 2008 ในวันเดียวกับที่ Roberto Donadoni ประกาศต่อสัญญา

คาสซาโน่ ทำผลงานได้ดีกับ ซามโดเรีย ในฤดูกาลนี้ แต่ว่าเขาไม่ได้ติดทีมชาติอิตาลีเลยตั้งแต่ กันยายน 2006 "ผมไม่ได้ให้โอกาส คาสซาโน่ เขาไม่ใช่เด็กแล้ว และรู้ว่าการที่เขาติดทีมหมายถึงอะไร ผมรู้ดีว่าเขาทำอะไรให้กับทีมได้" โดนาโดนี่ กล่าวถึงดาวเตะ 25 ปี ที่ถูกยืมตัวมาจากมาดริด และช่วยให้ซามโดเรีย รั้งอันดับ 6 ของกัลโช่ปีนี้

Alessandro Del Piero กัปตันทีมยูเวนตุส ก็ติดโผครั้งนี้ด้วย หลังจากทำผลงาน ยิง 21 ประตูให้ต้นสังกัด แต่ไม่มีชื่อของ Filippo Inzaghi , Massimo Oddo และ Vincenzo Iaquinta ที่มีปัญหาบาดเจ็บ "ผมเรียกนักเตะ 24 คน แต่พวกเขาต้อง แข่งกัน เพื่อติดโผ 23 คน ลุกศึก EURO 2008" โดนาโดนี่กล่าว

ขุนผลอัซซูรี่ มีโปรแกรมอุ่นเครื่องกับ เบลเยี่ยม ใันวันที่ 30 พฤษภาคม ก่อนที่ EURO 2008 จะเริ่ม โดยพวกเขาอยู่กลุ่ม C ซึ่งจะพบกับ เนเธอร์แลนด์ ในวันทีี่ 9 มิ.ย., โรมาเนีย ในวันที่ 13 มิ.ย. และเตะนัดสุดท้ายในรอบแรก กับ ฝรั่งเศส ในวันที่ 14 มิ.ย.

รายชื่อ ทีมอิตาลี
ผู้รักษาประตู : Marco Amelia (AS Livorno Calcio), Gianluigi Buffon (Juventus), Morgan De Sanctis (Sevilla FC).

กองหลัง : Andrea Barzagli (US Città di Palermo), Fabio Cannavaro (Real Madrid CF), Giorgio Chiellini (Juventus), Fabio Grosso (Olympique Lyonnais), Marco Materazzi (FC Internazionale Milano), Christian Panucci (AS Roma), Gianluca Zambrotta (FC Barcelona).

กองกลาง : Massimo Ambrosini (AC Milan), Alberto Aquilani (AS Roma), Mauro Camoranesi (Juventus), Daniele De Rossi (AS Roma), Gennaro Gattuso (AC Milan), Riccardo Montolivo (ACF Fiorentina), Simone Perrotta (AS Roma), Andrea Pirlo (AC Milan).

กองหน้า : Marco Borriello (Genoa CFC), Antonio Cassano (UC Sampdoria), Alessandro Del Piero (Juventus), Antonio Di Natale (Udinese Calcio), Fabio Quagliarella (Udinese Calcio), Luca Toni (FC Bayern München).

Friday, May 23, 2008

สาเหตุที่ เชลซี ไม่ได้แชมป์ (จากแหล่งข่าววงใน)

หลังจากที่นั่งคิดวิเคราะห์มานาน จนกระทั่งไปเจอภาพๆ นึงเข้าทำให้เข้าใจทุกอย่าง ตอนนี้ผมทราบแล้วครับว่าทำไมเชลซี อดแชมป์



พอไปถึงมอสโคว พวกนี้พากันฉลองก่อนเลย โดยเฉพาะ John Terry กัปตันทีม เมาขนาดเพื่อนรวมก๊วนต้องหามกลับโรงแรม
เลยขาอ่อนตอนยิงจุดโทษ

ขอบคุณภาพจาก redarmyfc.com

Thursday, May 22, 2008

เค้าว่า เชลซี แพ้เพราะดวง จริงเหรอ??

หลังจากเกมนัดชิงจบไป ผมก็ได้ยินเสียงจากแฟนเชลซี และทีมอื่นๆ ที่เชียร์ทีมจากลอนดอน พูดกันว่า "ที่เชลซีแพ้น่ะ ก็เพราะดวงหรอกน่า" ด้วยความสงสัย เลยไปหาข้อมูลของนัดที่ว่ามา และเอามาเรียบเรียงให้ได้ดูกัน เป็นตัวเลขไปเลย

สถิติเกมนัดชิง UCL


ลูกยิงเข้ากรอบ แมนยู 5 เชลซี 1
ทั้งเกม เชลซียิงเข้ากรอบแค่ 1 ครั้ง (และเป็นประตู)
ลูกที่ Ballack ผลัก เฟอร์ดินาน แล้วโดนเซฟไม่นับ เพราะ ไม่ได้ยิงเอง
ส่วนที่ยิงชนเสา 1 คาน 1 น่ะ เค้าไม่นับว่ายิงเข้ากรอบครับ
ส่วนแมนยูเข้ากรอบ 5 ครั้งนะ เป็นประตูซะ 1 และ 3 ลูกก็เกือบจะเป็นประตู (เตเบซโหม่ง-เช็คเซฟ , คาร์ริคยิง-เช็คเซฟ , กิ๊กซ์ยิง-เทอร์รี่เซฟ) ส่วนอีกลูกเช็ครับได้

ลูกยิงไม่เข้ากรอบ แมนยู 5 เชลซี 18
ลูกยิงทิ้งยิงขว้าง วัดอะไรไม่ได้ครับ ถ้าเอามานับว่าเหนือกว่า ผมว่า ใครๆ ก็ทำได้ครับ

เปอร์เซ็นต์การครองบอล(ทั้งเกม) แมนยู 55.9% เชลซี 44.1%
ไม่จริงที่ว่าเชลซีครองเกมส์เหนือกว่า อาจจะจริงอยู่ที่เชลซีเหนือกว่าในครึ่งหลัง แต่ว่าในครึ่งแรก เปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ แมนยู 65% เชลซี 35% นะครับ แต่เพราะมันเป็นครึ่งแรก คนเลยมองข้ามไป (บางคนก็ตื่นมาดูครึ่งแรกไม่ทัน) เลยมามองที่ครึ่งหลังมากกว่า ทั้งๆที่ฟุตบอลมันแข่ง 2 เวลา ส่วนช่วงต่อเวลา ดูแล้วก็พอๆกัน และออกจะเป็นทางด้าน แมนยูซะอีกที่ครองบอลได้มากกว่า ดังนั้นที่ว่า เชลซีครองเกมส์เหนือกว่านั้น จริงๆแล้วมันไม่ใช่หรอกครับ

ส่วนเรื่องของกรรมการนั้น
อาจมีบางจังหวะที่เหมือนเป่าเข้าข้างแมนยูบ้าง อันนี้ผมก็เห็น แต่ก็เห็นมีแค่ไม่ได้ลูกเตะมุมและลูกทุ่ม ลูกที่แมนยูควรได้ แล้วไม่เป่าก็มี เช่น ลูกที่ับัลลัคผลักหลังเฟอร์ดินานด์ จนโหม่งแล้วน้าซาร์ต้องเซฟ ซึ่งจริงๆแล้วเป็ุนลูกฟาล์วแน่นอน
ส่วนใบแดงนั้น ไม่ต้องเถียงเลยครับ ถูกต้องตามกติกาทุกอย่าง เพราะถ้าออกอาวุธก่อน กรรมการก็ไม่มีทางเลือก ใบแดงสถานเดียว แถมต้นเหตุจริงๆ แล้วก็มาจากเชลซีเองนั่นแหละ
(สโคลส์ก็เคยเจอใบแดงแบบนี้ ตอนเอามือปัดหน้าชาบี อลองโซ่ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว)

นี่เป็น stat ของนัดชิง ลองดูครับ

ภาพจาก skysports.com

Wednesday, May 21, 2008

คุยกันหลังเกม นัดชิง แมนยู - เชลซี



ก็จบไปอย่างดุเดือดสำหรับนัดชิง UCL ปีนี้ ใครได้คว้าถ้วย Big ears ไปครอง ก็คงรู้้กันแล้วจากรูป ที่ผมขึ้นหัวมา

ความจริงก่อนเกมนัดนี้จะเริ่มเตะ ผมก็ค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้วว่า แมนยู จะได้แชมป์ไปครอง เนื่องด้วยเกมรุกอันหลากหลาย และเกมรับที่เหนียวแน่น นั่นก็สมเหตุสมผลให้ แมนยู หยิบถ้วยไปครองอย่างแน่นอน ถึงแม้แฟนเชลซีบางคนจะออกมาบอกว่า นัดล่าสุดเป็นเชลซีที่ชนะไป แต่ผมกลับมองว่า นัดนั้น(ที่แสตมฟอร์ดบริดจ์) วัดอะไรไม่ได้เลย เพราะว่า เฟอร์กี้จัดตัวแบบมีห่วง ที่จะต้องเตะกับบาซ่า กลางสัปดาห์ รวมอีกทั้ง กรรมการเป่าจุดโทษลูกนั้นง่ายเกินไป ทำให้ผมไม่คิดว่า แมนยู จะเป็นรองเชลซีด้วยประการทั้งปวง

กลับมาที่เกมนัดชิง เกมนี้ แมนยู เริ่มต้นได้ดีตั้งแต่ครึ่งแรก ถึงแม้ว่าจะมีฝนตกลงมาก็ตาม และก็มาได้ประตูขึ้นนำ จาก Cristiano Ronaldo ขึ้นโหม่งลูกเปิดของ Wes Brown และเป็นประตูที่ 8 ของเขาในการลงเล่น UCL 11 เกม


ซึ่งผมมองว่า ฤดูกาลนี้น้องน้ำตาลมีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้ แมนยู ครอง ดับเบิล แชมป์ เพราะปีนี้เค้าเล่นได้ชนิดที่เรียกว่า ไม่เป็นภาระของเฟอร์ดินาน และวิดิช ไม่พอ ยังช่วยทีมได้อีกเยอะซะด้วย และหลังจากได้ประตู แมนยู ก็ยังเล่นได้เหนือกว่าเชลซี และเกือบได้ประตูที่ 2 ที่ 3 หากเตเบช คมกว่านี้ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ มันไม่ใช่เวลาของเค้า แต่ผมว่าถ้าเป็นตอนที่ แมนยู ตามอยู่ แล้วละก็ คงเป็นประตูไปแล้วอย่างแน่นอน เพราะเตเบซมักจะทำได้ในช่วงวิกฤติ แต่ถึงอย่างนั้น เปอร์เซ็นต์การครองบอล 65% ต่อ 35% ก็บอกได้แล้วว่า แมนยู เหนือกว่าอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะพลาด โดนตีเสมอในนาทีที่ 45 จากแลมพาร์ด ก็ตาม ซึ่งลูกนั้นก็ไม่น่าเสียอย่างยิ่ง แต่น้าซาร์ ดันลื่นล้มหน้าประตู ทำให้เข้ามากันลูกยิงของแลมพ์ไม่ทัน ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1


เริ่มต้นมาในครึ่งหลัง ดู แมนยู จะเนือยๆ ไปนิด ทำให้เชลซีครองบอลบุกได้ค่อนข้างเยอะกว่า และมีจังหวะปะทะกันค่อนข้างเยอะ แต่ก็หมดเวลาด้วยผล 1-1 ต้องต่อเวลา ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจว่าเป็นการต่อเวลาแบบธรรมดา หรือว่า silver goal เพราะฟังผู้บรรยายภาษาอังกฤษพูดไม่ทัน (ผมดูผ่านเนต เลยต้องดูช่องของต่างประเทศ) จบครึ่งแรกของการต่อเวลาก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ แต่ดู แมนยู จะเหนือกว่านิดหน่อย เข้าครึ่งหลังของการต่อเวลา ก็มีเหตุการณ์ชุลมุน และทำให้ drogba โดนไปแดงเพราะไปตบหน้า vidic และก็ัยังทำอะไรกันไม่ได้ในช่วงเวลาที่เหลือ ต้องตัดสินด้วย ลูกโทษ

เริ่มเตะลูกโทษ โดยแมนยูเริ่มก่อน ก็ผลัดกันยิงเข้า จนถึง Cristiano Ronaldo ดันยิงไปโดน Peter Cech เซฟไว้ได้ แต่ความจริงผมก็คิืดอยู่แล้วว่า เจ้าหนูคริสเตียโน อาจยิงไม่เข้า เพราะหน้าตาดูหมองๆ ก่อนเดินไปยิง และสไตล์การยิงของเค้าที่ต้องหยุดก่อนยิง 1 จังหวะ ไม่น่าจะใช้กับ Peter Cech ได้้้


และทำให้เชลซีเกือบจะคว้าถ้วยแชมป์ไปครองแล้ว หากลูกสุดท้ายที่ ถ้าเทอร์รี่ยิงเข้า ก็จะชนะไปเลย แต่เขาดันยิงไปชนเสา ทำให้ต่อลมหายใจของ แมนยู และเป็นอเนลก้าที่พลาดเป็นคนสุดท้ายทำให้ แมนยู ได้แชมป์ไปครองสำเร็จ


หลังจบเกม ผมเองก็มองว่า แมนยู เหมาะกับถ้วยแชมป์ด้วยประการทั้งปวง ด้วยการครองบอลที่เหนือกว่า โอกาสจบสกอร์ที่มากกว่า และเกมรับที่เหนียวแน่นไร้ข้อผิดพลาด ชนิดที่ว่าเชลซีจะโทษใครไม่ได้เลย นอกจากโทษตัวเอง หรือไม่ก็หาแพะสักคน ที่ยิงจุดโทษไม่เข้า

หากเชลซีจะโทษว่า เป็นเพราะกรรมการตัดสินเข้าข้าง แมนยู เหมือนที่ชอบอ้างๆ กันนั้น ผมเองก็เห็นว่ากรรมการ อาจจะตัดสินไม่ทันเกมอยู่บ้าง แต่เชลซีก็ควรรู้ตั้งแต่ลงไปเขี่ยบอลแล้วว่า นี่คือฟุตบอล ความผิดพลาดของผู้ตัดสินย่อมเกิดขึ้นได้ ให้ถือว่ารับกรรม ที่ผู้ตัดสินไม่ทันเกมที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ และเป่าจุดโทษปัญหาให้เชลซีไป

หากจะโทษใบแดงของ ดร็อกบา ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวผิดเอง ที่ออกอาวุธก่อน ทำให้ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือก และความจริงผมว่า มีคนโง่ไม่กี่คนหรอก ที่โดนไล่ออกเพราะลูกทุ่ม ซึ่งความจริงก็ต้องถือว่า เชลซีก็รับกรรมไป เพราะไปทำไว้ก่อน ในการเตะบอลคืนแบบไร้สปิริต พอโดนบ้างแล้วทำไมถึงโวยวายกัน ผมก็ไม่เข้าใจ ต้องใช้คำว่า "ทีเอ็งข้าไม่ว่า ถึงทีข้าเอ็งอย่าโวย"

หากจะโทษว่าเพราะสนามลื่น เลยทำให้ John Terry ยิงจุดโทษไม่เข้า นั่นก็ใช่ แต่อย่าลืมนะครับว่า ถ้าสนามไม่ลื่น ลูกตีเสมอของเชลซีไม่เกิดแน่นอน เพราะถ้าน้าซาร์ไม่ลื่นซะก่อน ลูกนั้นต้องกันได้แน่

ความจริงหากจะหาแพะซักคน ผมว่า จอห์น เทอร์รี่ น่าจะเหมาะที่สุด เพราะตอนที่เขาก้าวจะไปยิงประตูนั้น ทุกอย่างอยู่ในมือของเค้าเอง และเหมือนกับว่าเค้าถือถ้วย ลงไปยิงจุดโทษเลยทีเดียว เพราะขอแค่เพียงยิงเข้า ถ้วย Big ears ก็จะตกเป็นของเขาทันที แต่ดูเหมือนว่า้ถ้วยใบนี้จะหนักไปสำหรับ จอห์น เทอร์รี่ ทำให้เขาเสียหลัก และยิงประตูพลาด ส่งผลให้ แมนยู คว้าแชมป์ไปครองไ้ด้ในที่สุด

แต่ผมว่าคงไม่มีใคร กล้าไปโทษเทอร์รี่หรอกครับ นั่นก็เพราะว่า เขาได้ทำหลายสิ่ง หลายอย่างให้กับเชลซี และเขาก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเชลซี ถึงขั้นที่เรียกได้ว่า เขาเป็น MR.Chelsea ได้เลยทีเดียว

หรือว่าคุณจะโทษนักเตะเร่ร่อนอย่างอเนลก้า ก็ไม่ถูก เพราะถ้าคุณไม่โทษจอห์น เทอร์รี่ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโทษอเนลก้า

หรือคุณจะโทษ Avram Grant คางคกที่มีอาชีพเป็นผู้จัดการทีม ก็ไ่ม่ได้ เพราะประวัติศาสตร์สโมสร ยังไม่มีใครพาทีมเข้าชิงถ้วยนี้ได้เลย แต่เฮียอึ่งทำได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องบอกว่า "แค่นี้ก็ดีแล้ว" สำหรับ Avram

ผมว่าหากจะโทษใครจริงๆ และไม่ทำให้ทีมระส่ำ ก็คงต้องโทษนักเตะแมนยูทุกคน ที่พวกเค้าเล่นดีเกินไป และพวกเค้าเกิดมาเพื่อถ้วยใบนี้จริงๆ เชลซีจะได้ไม่ต้องโทษกันเอง และจะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บอีกด้วย

Cartoon DD ตอน...ธรรมดาไปแล้ว





เรด อาร์มี่ ไดเร็ค ... ขอเสนอ ...



ตุ๊กตาตัวแรก "เจ้าเป็ดแดง" เป็ดตัวนี้เจ้าของเป็นพวกเป็ดโบราณ ชอบนึกถึงความสำเร็จเอ๊ย... เรื่องเก่าๆ มันนึกว่าตัวเองเป็นหงส์ แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่ ... ขอตั้งฉายาให้ว่า "นกกระเด้าลม" ...



ตัวที่สอง "เจ้าหอยทะเล" ตัวนี้เจ้าของเป็นเด็กเสี่ย พวกเศรษฐีใหม่ มือเติบ อยากได้อะไรก็เอาเงินฟาด กลัวใช้เงินไม่หมดเลยหน้าเครียดตลอดเวลา ... ล่าสุดได้ข่าวแว่วๆ ว่าเสี่ยชักจะไม่มีเงินให้แล้ว ชักออกไปแนว สามล้อถูกหวย ...



ตัวที่สาม "เจ้ามินิคุกกี้" ช่วงนี้เจ้าของไม่ค่อยมีตังค์ เพิ่งสร้างบ้านใหม่ เลยมีแต่คนขอย้ายออก ไม่รู้บ้านใหม่ไม่น่าอยู่รึยังไง ปีนี้ทำอะไรก็เลยไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร



ตัวที่สี่ "เจ้าผีน้อย" ตัวนี้ไม่ได้มีไว้ขาย เหมาะเอาไว้สักการะ เชื่อว่าคุณเองก็มีตุ๊กตาแบบนี้ไว้ที่หัวเตียงแล้ว

Tuesday, May 20, 2008

Manchester United v Chelsea !!Preview!!


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เชลซี
วันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2551
เวลา 01.45 น. (เช้า 22 เมษายน)
สนาม ลุซนิกิ สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน ลูบอส มิเชล
ถ่ายทอดสด ทรู วิชั่นส์ 65, ช่อง 3, ช่อง 7

ข้อมูลของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์พรีเมียร์ ลีก หมาดๆ กำลังมุ่งเป้าไปถึงการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในวันพุธนี้ และนั่นก็จะเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์อีกครั้งของพวกเขา นับตั้งแต่ทำได้ในฤดูกาล 1998 - 99

ส่วนเชลซี ไปมอสโคว ครั้งนี้ด้วยความหวังที่จะคว้าถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

การแข่งขันนัดนี้เป็นครั้งแรกในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทีมทั้งสองทีมจากอังกฤษได้มาพบกันในนัดชิงชนะเลิศ และเป็นครั้งที่ 3 ที่สโมสรจากประเทศต้องมาแย่งถ้วยนี้กันเอง โดยในปี 2000 นัดชิงชนะเลิศเป็นการพบกันของ 2 ทีมจากสเปน โดยผลการแข่งขันจบลงที่ชัยชนะของรีล มาดริด ที่เอาชนะบาเลนเซีย 3 - 0 จากนั้นในปี 2003 ก็เป็นการพบกันของ 2 ทีมจากอิตาลี โดยเอซี มิลาน เอาชนะยูเวนตุส ได้จากการยิงลูกโทษ

หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะได้ ก็จะเป็นถ้วยใหญ่ถ้วยที่ 34 ของสโมสร แต่หากเป็นชัยชนะของเชลซี ก็จะเป็นถ้วยใหญ่ถ้วยที่ 11 ของสโมสร

นอกจากนี้ชัยชนะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำให้พวกเขาเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในยุโรปเป็นอันดับที่ 6 แต่ถ้าเป็นเชลซี พวกเขาก็จะเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จในยุโรปเป็นอันดับที่ 10

แน่นอนว่าปีนี้แชมป์ตกเป็นของทีมจากอังกฤษ และจะเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 11 ของสโมสรในอังกฤษ โดย 10 ครั้งก่อนหน้านี้ทีมที่ทำได้ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1968), ลิเวอร์พูล (1977 และ 1978), น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (1979 และ 1980), ลิเวอร์พูล (1981), แอสตัน วิลล่า (1982), ลิเวอร์พูล (1984), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1999) และลิเวอร์พูล (2005)

สถิติการพบกัน


ทั้งคู่ยังไม่เคยพบกันมาก่อนในศึกยุโรป แต่ตามสถิตที่ทั้งคู่พบกันมาในทุกรายการทั้ง 151 นัด ปีศาจแดงกวาดชัยชนะไปได้ 65 นัด โดยสิงห์สำอางก็ไม่น้อยหน้าด้วยการเก็บชัยเหนือคู่แข่งได้ 41 นัด ส่วนในรายการที่ทั้งคู่พบกัน ณ สนามเป็นกลาง ปีศาจแดงชนะ 2 แพ้ 1 และเสมออีก 1

ฟอร์มในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครเลยในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ โดยชนะ 9 นัด และเสมอ 3 นัดจากทั้งหมด 12 นัด และหากพวกเขายังรักษาสถิตินี้ไว้โดยการเอาชนะเชลซี ได้ พวกเขาก็จะเป็นสโมสรเดียวที่สามารถรักษาสถิติไม่แพ้ใคร ในฟุตบอลยุโรปได้จนกระทั่งคว้าแชมป์ ถึง 2 ครั้ง (ครั้งแรกในปี 1998 - 99)

ความพ่ายแพ้ต่อเอซี มิลาน 3 - 0 ในฤดูกาลที่แล้วเป็นการแพ้นัดสุดท้ายของพวกเขาในแชมเปี้ยนส์ ลีก

เชลซี ไม่แพ้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ติดต่อกันมา 3 นัดแล้ว โดยความพ่ายแพ้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในวันที่ 2 เมษายน โดยเป็นการแพ้ เฟเนร์บาห์เช่ 2 - 1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศนัดแรก

ข้อมูลเกี่ยวกับนักเตะ
มีนักเตะของเชลซี 8 คนในชุดนี้ที่เคยลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ และมี 6 คนในนี้ที่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์มาแล้ว ได้แก่ นิโคลาส อเนลก้า (ปี 2000) และ โคล้ด มาเกเลเล่ (ปี 2002) ซึ่งคว้าถ้วยนี้กับรีล มาดริด, เปาโล แฟร์ไรร่า และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ คว้าถ้วยนี้กับเอฟซี ปอร์โต้ ในปี 2004, อังเดร เชฟเชนโก้ คว้าถ้วยนี้กับเอซี มิลาน ในปี 2003 และ เบลเลตติ ช่วยบาร์เซโลน่า คว้าถ้วยนี้ในปี 2006 โดยทำประตูให้ทีมเอาชนะอาร์เซน่อล ไปได้ 2 - 1

ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีนักเตะ 5 คนที่มีประสบการณ์ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศถ้วยนี้ แต่มี 6 คนที่เคยได้เหรียญชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยในปี 1999 ไรอัน กิ๊กส์ และแกรี่ เนวิลล์ เป็นส่วนหนึ่งในทีมที่เอาชนะบาเยิร์น มิวนิค ไปได้ ในขณะที่ครั้งนั้นพอล สโคลส์ ติดโทษแบน และเวส บราวน์ เป็นเพียงตัวสำรอง แต่ทั้งสองคนก็ได้เหรียญชนะเลิศ, เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ชนะแชมเปี้ยนส์ ลีก กับ อาแจ็กซ์ ในปี 1995, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ คว้าแชมป์กับบาเยิร์น มิวนิค ในปี 2001 และ ปาทริซ เอฟร่า ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศกับโมนาโก ในปี 2004 แต่ก็แพ้ไป

หากได้ลงเล่น ไรอัน กิ๊กส์ ก็จะทำลายสถิติของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด 758 นัด นอกจากนี้ กิ๊กส์ยังลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดเป็นสถิติของสโมสรคือ 103 นัด

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือผู้ทำประตูสูงสุดแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ด้วยจำนวน 7 ประตู โดยเขาทำประตูได้ทั้งหมด 41 ประตูในฤดูกาลนี้ มีเพียง เดนิส ลอว์ (46 ประตูในปี 1963-64) และ รุด ฟาน นิสเตลรอย (44 ประตูในปี 2002-03) เท่านั้นที่ทำได้มากกว่า

ส่วน ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ของเชลซี ก็ทำประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นอันดับที่ 2 โดยทำได้ 6 ประตู

หากได้ลงเล่น จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมเชลซี ก็จะได้ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นนัดที่ 50

ข้อมูลเกี่ยวกับผู้จัดการทีม
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นปีที่ 22 และตลอด 22 ปีมานี้เขาพาทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 10 ครั้ง เอฟเอ คัพ 5 ครั้ง ลีกคัพ 2 ครั้ง แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้ง คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 ครั้ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 1 ครั้ง อินเตอร์ คอนติเนนทอล คัพ 1 ครั้งและ แชร์ริตี้/คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 6 ครั้ง

และถ้าหากรวมกับผลงานของเขาในการคุมทีมในสก๊อตแลนด์แล้ว เขาก็นำทีมคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ ทั้งหมด 28 ครั้ง

เซอร์ อเล็กซ์ ด้วยวัย 66 ปี ถือเป็นผู้จัดการทีมมีอายุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยผู้จัดการทีมที่อายุมากที่สุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก คือ เรย์มงด์ โกธาลส์ ชาวเบลเยี่ยม ซึ่งพาทีมโอลิมปิก มาร์กเซย คว้าแชมป์ในปี 1992 - 93 ด้วยวัย 71 ปี

ทางด้าน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซี ลงเล่นนัดแรกเป็นนัดที่พ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 0 ในเกมพรีเมียร์ ลีก วันที่ 23 กันยายน 2007 และภายใต้การคุมทีมทั้งหมด 52 ของเขา เขาพาทีมเชลซีชนะ 36 ครั้ง เสมอ 12 ครั้ง และแพ้ 3 ครั้ง

แกรนท์ คว้าแชมป์ลีก 4 ครั้งในฐานะหัวหน้าโค้ช โดย 2 ครั้งกับการทำงานให้กับ มัคคาบี้ เทล อาวีฟ และอีก 2 ครั้งกับ มัคคาบี้ ไฮฟา

สถิติเชลซี


เชลซี พลาดท่าเสมอกับโบลตัน ในนัดส่งท้ายฤดูกาล จึงทำให้เป็นได้แค่รองแชมป์ด้วยผลต่างคะแนน แต่ถึงแม้สามารถเก็บชัยชนะได้ ก็ต้องเป็นรองแชมป์ด้วยผลต่างประตูได้เสียอยู่ดี ทำให้ ณ เวลานี้ สิงห์สำอางคว้าไปแล้ว ดับเบิลรองแชมป์ จากพรีเมียร์ ลีค และ ลีค คัพ

โดยนัดนี้มุมน้ำเงิน ที่ขนนักเตะมาจากอังกฤษถึง 44 คน แม้จะส่งชื่อลงสนามได้เพียง 18 คนเท่านั้น จะได้ "เทอร์รี่" กัปตัน และปราการหลังตัวเก่ง กลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังบาดเจ็บที่แขนในเกมลีคนัดสุดท้าย รวมทั้ง "คาร์วัลโญ่" และ "ดร็อกบา" ที่จะกลับมาฟิตพร้อมลงช่วยทีมเต็มร้อย ส่วนตำแหน่งที่น่าหนักใจคงอยู่ที่ปีกซ้าย ที่ไม่รู้จะใช้บริการ "มาลูด้า" หรือ "กาลู" ดี

สถิติแมนยู


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปิดท้ายซีซั่นอย่างยอดเยี่ยมด้วยชัยชนะเหนือวีแกน ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีค ทันที โดยไม่ต้องลุ้นผลการแข่งขันจากสนามอื่นแต่อย่างใด นับเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีค สมัยที่ 10 ในโรงละครแห่งความฝันหลังนี้เข้าไปแล้ว

เกมนี้มุมแดง ยกพวกบุกกรุงมอสโควด้วยสมาชิกเพียงแค่ 24 ขุนพล โดยปีศาจแดงจะได้ใช้บริการ "วิดิช" และ "รูนี่ย์" แน่นอน หลังทั้งคู่หายเจ็บ และลงเล่นได้เต็มเวลาเมื่อนัดที่แล้ว แถมยังสามารถเรียกใช้ "นานี่" ที่ต้องชดใช้โทษแบนใบแดงในเกมลีคเมื่อนัดที่แล้วได้อีกด้วย และป๋ายังแบไต๋ออกมาอีกด้วยว่า "สโคลส์" จะมีชื่อเป็น 1 ใน 11 ตัวเลือกแรกแน่นอน


ข้อมูลน่าสนใจอื่นๆ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ด้วยคะแนน 87 คะแนน จากทั้งหมด 38 นัด โดยมีคะแนนมากกว่าทีมอันดับ 2 คือเชลซี อยู่ 2 คะแนน พวกเขาทำประตูได้ทั้งหมด 80 ประตู มากกว่าเชลซี อยู่ 15 ประตู และเสียประตู 22 ประตู น้อยกว่าเชลซี อยู่ 4 ประตู

นี่จะเป็นครั้งที่ 2 ที่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปมาเล่นกันที่ สนามลุซนิกิ โดยก่อนหน้านี้ เป็นสนามสำหรับนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า คัพ ในปี 1999 ซึ่งปาร์ม่า มาคว้าแชมป์ได้ที่นี่หลังจากเอาชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย ไปได้ 3 - 0

นอกจากทั้งคู่จะเชือดเฉือนกันมาทั้งฤดูกาลในศึกพรีเมียร์ ลีค แล้ว ในนัดตัดสินชะตาศึกเจ้ายุโรป ทั้งคู่ยังต้องโคจรมาพบกันเองอีกครั้งดังฟ้าลิขิต แม้การประสบพบเจอกันของทั้งคู่ในระยะหลังนี้ จะเป็นฝ่าย "สิงโตน้ำเงินคราม" ที่คว้าชัยไปเชยชม รวมไปถึงนัดล่าสุด ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่เจ้าบ้านคว้า 3 แต้มเต็มไปครองอย่างน่ากังขา แต่ในเกมที่ใช้เพียงแค่ผลการแข่งขันนัดเดียวตัดสินชะตาแชมป์ยุโรปครั้งนี้ "ปีศาจแดง" คงเดินหน้าใส่เต็มที่ โดยไม่สนใจกับผลการพบกันก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น แถมหากจะนับประกบการณ์การลงฟาดแข้งในนัดชี้ชะตาเจ้ายุโรป "ยูไนเต็ด" คงกินขาด เมื่อทั้ง 2 ครั้งที่ก้าวมาถึงจุดไคลแมคเช่นนี้ "ปีศาจแดง" ก็เอาสามง่ามเสียบ "บิ๊กเอียร์" กลับบ้านได้ทั้งสิ้น ต่างจาก "สิงห์สำอาง" ที่เพิ่งก้าวมาถึงจุดสุดเสียวนี้เป็นครั้งแรก และนัดนี้จะได้รู้กันว่า จะมีทีมหนึ่งเป็น "ดับเบิลแชมป์" แล้วปล่อยให้อีกทีมครอง "ทริปเปิลรองแชมป์" หรือไม่