
หลังจากที่ผมเริ่มเขียน blog มาได้ระยะนึง โดยอาศัยหาข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ของเมืองนอก แล้วเอามาแปลให้อ่านง่ายๆ บ้าง หรือไม่ว่าจะเป็น หา hilight video ของฟุตบอลแต่ละนัด มาให้ดูกันบ้าง ผมก็เริ่มที่จะคิดได้ว่า น่าจะเขียนอะไรที่เป็นของผมเอง โดยใช้ภาษาของผมเอง หาข้อมูลเองบ้าง ก็เลยได้ฤกษ์ เริ่มเขียนบทความนี้ขึ้นมา และคิดว่าจะพยายามเขียนให้บ่อยขึ้น เป็นคอลัมน์ของตัวเอง (แต่ตอนนี้ยังไม่มีชื่อคอลัมน์นะครับ)
ตอนที่ผมกำลังเขียนนี้ ผมก็ดูบอลคู่ Liverpool กับ Liege อยู่ด้วย เดี๋ยวถ้าผมเขียนเสร็จ แล้วยังไม่หลับ จะสรุปผลให้ ทีหลังจะครับ
เรื่องที่ผมเอามาเขียน วันนี้ คือเรื่องที่ว่า "ใช้เงินซื้อความสำเร็จ หรือประสบความสำเร็จถึงมีเงินให้ซื้อ" ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดถึงกันมาก โดยเฉพาะช่วง 4-5 ปีหลัง ตั้งแต่อากู๋โรมัน เข้าซื้อเชลซีนู่นแหละ
ซึ่งความจริงแล้ว ถ้าพูดถึงในยุคนี้แล้วล่ะก็ คงเถียงไม่ได้แน่นอน ว่าเงินเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ แต่นั่นหมายถึงสโมสรที่ไม่ได้มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เท่านั้นนะ และในกรณีนี้ เชลซี น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เพราะก่อนที่อากู๋ จะเข้ามา เชลซีทีมนี้ ก็เป็นแค่ สิงห์บอลถ้วย ที่เล่นดีเฉพาะบอลถ้วย แต่ไม่ได้ติดทีม top three ที่ลุ้นแชมป์กันด้วยซ้ำ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เชลซีก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะการปลด รานิเอรี่ แล้วจ้าง เฮียเครียดเข้ามาแทน แล้วมีการทุ่มเงินซื้อตัวนักเตะอีกมากมาย ทำให้ทีมอย่างเชลซี เป็นแชมป์ลีกสูงสุดได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2004-2005 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 50 ปีของสโมสร
หลังจากนั้น ทำให้ทีมที่อยากประสบความสำเร็จ เริ่มเห็นช่องทางลัดที่จะเป็นแชมป์แบบเชลซี บวกกับทีมที่รวยอยู่แล้ว ก็อยู่เฉยไม่ได้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ทุ่มเงินก้อนโตๆ เพื่อคว้านักเตะดีๆ หรือดังๆ เข้าร่วมทีม ทำให้เงินขนาด 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) เป็นเศษเงินไปเลยทีเดียว
แต่ถ้าลองนึกย้อนไปดูดีๆ จะพูดว่า เงินซื้อความสำเร็จ เสียทีเดียวก็ไม่ถูก เพราะถ้าลองมองสโมสร ใหญ่ๆ อย่าง แมนยู ลิเวอร์พูล หรือแม้กระทั่ง รีล มาดริด ทีมพวกนี้ก็ไม่ได้รวยมาตั้งแต่แรก หรือว่าตกถังข้าวสารแต่อย่างใด พวกเขาเริ่มจากเป็นทีมเล็กๆ ค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ ปั้นนักเตะ และอาจมีการซื้อตัวนักเตะบ้าง ในตำแหน่งที่จำเป็น และพวกเขาก็สามารถเป็นแชมป์ได้ และได้เงินจากการเป็นแชมป์ ไปซื้อนักเตะในตำแหน่งที่ขาดหายไป แค่นั้น ไม่ต้องเทคโอเวอร์ ไม่ต้องทุ่มเงินค่าตัว ไม่ต้องทุ่มค่าเหนื่อยแต่อย่างใด พวกเขาก็ประสบความสำเร็จ บวกไปกับมีเงินซื้อนักเตะที่ต้องการได้ อย่างไม่มีปัญหา

shevchenko
หนึ่งในนักเตะที่ไม่คุ้มที่สุด
และถ้าลองคิดดีๆ ก็ไม่ใช่ว่าทีมที่มีเงินเยอะ ใช้เงินเยอะ จะประสบความสำเร็จเสมอไป ดูตัวอย่างได้จาก บาซ่า ทีมที่ได้ฉายาว่าเจ้าบุญทุ่มตัวจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะได้แชมป์เหนือ มาดริด ไปทุกฤดูกาล แต่ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ ทีม รีล มาดริด ในยุดที่เป็นทีม รวมซูเปอร์สตาร์ ระดับโลก พวกเขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมาย เพราะว่าในทีมมีแต่ซูเปอร์สตาร์ จนไม่รู้ว่าจะให้ใครนำใครดี ทำให้ทีมเละเทะ อย่างที่เคยเห็นกัน
ในทางกลับกัน การใช้เงินน้อย ซื้อนักเตะราคาไม่แพงนักมาร่วมทีม แล้วประสบความสำเร็จ นั้นก็มีให้เห็นอยู่ ยกตัวอย่าง 3 ซูเปอร์สตาร์ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , เมสซี่ และกาก้า พวกเขาไม่ได้ย้ายทีมด้วยค่าตัวที่เป็นประวัติการณ์ อาจจะถูกกว่านักเตะดาดๆ บางคนด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็พัฒนา และก้าวขึ้นเป็นนักเตะเบอร์ 1,2 และ 3 ของโลกได้ นั่นไม่ใช่เพราะเงิน แต่เป็นเพราะตัวนักเตะ และสโมสร เท่านั้น
สรุปเลยละกันนะครับ (บอลใกล้จบแล้วด้วย) ผมไม่เถียงที่ว่าเงินซื้อความสำเร็จได้ แต่ก็ต้องดูคนใช้เงินด้วย หรือคุณคิดว่าถ้าเอาโค้ชหรั่ง ไปคุมทีมพันล้าน แล้วทีมจะเป็นแชมป์ได้เหรอ แต่ถ้าคุณยังจะคิดแบบนั้น ก็น่าจะให้ความเป็นธรรมกับทีมเศรษฐีหน้าเก่า บ้าง เพราะพวกเขาต้องพยายามอย่างมาก เพื่อจะเป็นแชมป์ แล้วพวกเขาก็มีเงินมากมายให้ใช้ เพราะเขาคว้าแชมป์เยอะแยะ จะว่ากันก็ไม่ได้ ผิดกับทีมเศรษฐีใหม่ๆ บางทีม ที่พยายามจะรวยทางลัด ทุ่มเงินซื้อทุกอย่างที่ต้องการ จนถึงขั้นที่ว่า ต่อให้ทีมคว้าแชมป์ได้ทุกรายการ แล้วเอาเงินรางวัลมารวมกัน ก็ยังไม่พอจ่ายค่าตัว + ค่าเหนื่อยของนักเตะได้เลย ถ้าหากจะว่าทีมพวกนี้ว่า ใช้เงินซื้อความสำเร็จ อันนี้เชิญตามสบายเลยครับ

Cristiano Ronaldo

Messi

Kaka
สามซูเปอร์สตาร์ สุดคุ้ม
จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะ 1 - 0 ในช่วงต่อเวลานะครับ
No comments:
Post a Comment